วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Cyrilในเชียงใหม่


Cyril In_ChiangMai1 - Cyril


Cyril In_ChiangMai2 - Cyril


Cyril In_ChiangMai3 - Cyril

David Copperfieldป็นสุดยอดนักมายากลโดยได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ทั่วโลก David Copperfield ให้ความประหลาดใจ และความบันเทิงแก่ผู้ชมอย่างมากมาย อันนำมาซึ่งเกียรติให้ได้รับรางวัลต่างๆ รวมทั้งรางวัล Entertainer Of The Year ในแอตแลนติคซิตี้ด้วย

เดวิด ค็อตกิ้น เป็นลูกคนเดียวในครอบครัวชาวรัสเซีย ที่อาศัยอยู่ในเมืองเมทูเชน รัฐนิวเจอร์ซี่ สหรัฐอเมริกา เขาเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 1956 พ่อของเขาเป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้า แม่ของเขาเป็นพนักงานขายประกัน ปัจจุบันพวกเขาอาศัยในซานดิเอโก ที่ๆพวกเขาดูแลแฟนคลับให้กับลูกชาย เดวิดมีความสนใจด้านมายากลตั้งแต่ยังเด็ก เมื่ออายุ 11 ปี เขาเป็นที่รักของเพื่อนๆบ้าน โดยเขามักเรียกตัวเองว่า Davino The Magician การแสดงของเขาถูกตาต้องใจของทางสมาคม The Society Of American โดยทางสมาคมต้องการให้เขาเข้าเป็นสมาชิกรุ่นเยาว์ และในเวลาเดียวกันนั้นเองขณะที่เขากำลังเรียนอยู่เพียงแค่ระดับมัธยมเท่านั้น แต่ทว่า เดวิดกลับมีโอกาสเข้าไปสอนมายากลในระดับมหาวิทยาลัย และได้สร้างความประทับใจ ด้วยการแสดงชุดโปรดของเขา นั่นคือ การหายตัวนั่นเอง ต่อจากนั้น ในขณะที่เขาอยู่ในมหาวิยาลัยฟอร์ดแฮมได้เพียง 3 สัปดาห์เขาก็ต้องจบการเรียนลง เนื่องจากเขาได้รับคัดเลือกให้แสดงในละครเพลง The Magic Man เขาจึงตั้งชื่อทางการแสดงใหม่ว่า David Copperfield หลังจากนั้นเขายังได้เป็นพิธีกรในรายการ The Magic Of ABC ฝันของเขาก็เป็นจริงเมื่อเรทติ้งพุ่งสูงและยังได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก หลังจากนั้น CBS ได้ดึงตัวเขามาทำสํญญาในการแสดงชุด The Magic Of David Copperfield ในปีที่ 5 ของการแสดง เขาทำให้เทพีเสรีภาพหายไปต่อหน้าต่อตาคนดูนับล้าน ในปี 1984 รายการนี้ยังได้รับรางวัล Emmy Awards เดวิดยังทำให้คนดูนับล้านต้องตะลึงอีกครั้ง เมื่อเขาลอยในอากาศเหนือแกรนด์ แคนยอน เดวิดได้ขยายลู่ทางมายากลของเขาสู่ระดับโลก เมื่อรายการของเขากับ CBS เข้าสู่ปีที่ 8 จุดมุ่งหมายของเขาอยู่ที่กำแพงเมืองจีน ด้วยสายตานับพันคู่ ที่จับจ้องมองสิ่งที่เดวิดกำลังจะทำ เขาค่อยๆเดินผ่านกำแพงเมืองจีนจากฟากหนึ่ง ไปยังอีกฟากหนึ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้นในเดือน มีนาคม 1988 รายการนี้ได้รับคัดเลือกเป็นรายการที่มีผู้ชมมากที่สุด นั่นแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นผู้สร้างสรรค์ที่ดีเยี่ยม เพราะเขาทั้งเขียน ออกแบบการสร้าง และแสดงด้วยตนเองทั้งสิ้น

David Copperfield ได้สร้างมิติใหม่ให้แก่โลกมายากล เขาได้สร้างความลี้ลับของภาพลวงตา และเขายังเชื่ออีกว่า มายากลเป็นศิลปะที่ไม่มีขีดจำกัด ภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้น คือสุดยอดของมายากลและความบันเทิง มายากลของเขาบอกถึงความเป็นตัวตนของเขา ทำให้เขาเปผ็นผู้ชายที่มีเสน่ห์รอบตัว และเขาคือสุดยอดนักมายากล David Copperfield…….

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ใครมีข้อแนะนำให้เว็บมาแนะนำได้ที่นี่เลยครับ

สามารถแนะนำได้ที่นี่ครับผมจะพยายามแก้ไขต่อไป

ใครจะขอคลิปหรือประวัติคนไหนเพิ่มเติมก็ขอให้มาขอกันได้หัวข้อนี้เลยนะครับ

ขอมาได้เลยครับผมจะพยายามหาให้เท่าที่ได้

Blue Sky (บลู สกาย) นักมายากลไทย

ชื่อ หมูทอง อุปการะกิจ "หมู"อายุ 11 ปี"Blue Sky" บลู สกายหลักสูตร มายากลมืออาชีพขั้นสูง (Performance)เรียนอยู่ที่ ป. 6 ร.ร. มาเรียลัยอาชีพ นักเรียน, นักมายากลสิ่งที่ทำให้สนใจมายากล"ทำให้เรามีสมาธิ และทำให้เรากล้าแสดงออก สามารถนำมายากลไปหลอกเพื่อนๆ ได้"มายากลที่ชอบ"มายากลนกครับ"นักมายากลที่ชอบ"Dynamic, Mamada, Angglero และ Magic Hunt ครับ"แรงบันดาลใจ"แรงบันดาลใจที่ผมคิดจะมาเรียนที่นี่ก็คือพี่ปอร์ วันแรกที่ผมไปเจอพี่ปอร์ พี่ปอร์โชว์มายากลให้ผมดูผมจึงอยากเรียนที่นี่ และผมใฝ่ฝันที่จะเรียนมายากลด้วยครับ"คิดยังไงต่อมายากล"มายากลเป็นสิ่งที่ทำให้ผมกล้าแสดงออก"สิ่งที่ตัวเองยังต้องพัฒนา"ต้องฝึกซ้อมมายากลให้มากขึ้น"การเรียนที่ "ศูนย์ส่งเสริมศิลปะมายากล""อาจารย์ใจดีและให้ความรู้อย่างเต็มที่ และทำให้ผมได้เจอคนดีๆ"เป้าหมายในทางมายากล"อยากเป็นนักมายากลมืออาชีพที่เก่งครับ"ผลงานการแสดง
ช้างชัย หมูกะทะ
ซีคอน สแควร์
โรงเรียนมาเรียลัย
MBK International Magic Festival 2007
หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
นิตยสาร แปลนสนุกคิด
นิตยสาร Mother&Care
รายการ ย้อนรอย
รายการ ดาดฟ้าท้ายกห้อง
ฯลฯ

Black eye (แบล็ค อาย) นักมายากลไทย

ชื่อ พงศธร จิรนันท์ธวัช "เบล"อายุ 21 ปี"Black eye" แบล็ค อายหลักสูตร คอร์สไพ่มายากลระยะใกล้, คอร์สมายากลระยะใกล้ขั้นสูง, มายากลอาชีพ Pro3เรียนอยู่ที่ ม.หอการค้า คณะบริหาร สาขาการจัดการ ปี 2อาชีพ นักศึกษา, นักมายากลสิ่งที่ทำให้สนใจมายากล"เริ่มแรกเลยได้ไปยืนดูมายากลตามตู้ที่ต่างๆ เห็นแล้วประหลาดใจ มือไวจริงๆ และทำไมถึงทำได้ ผมจึงคิดว่าน้อยคนนักจะฝึกได้ดังนี้ ทำให้ผมคิดว่าอยากจะทำได้บ้าง ซึ่งมันคงจะเป็นสิ่งที่วิเศษมากๆ แหละเหนือธรรมชาติมากๆ ถ้าเราทำได้ บวกกับผมได้ดูทีวีเห็นคนเสกไพ่มาทีเป็นร้อยเลยผมคิดในใจ มาได้ไงเนี้ย!!! ถ้าเป็นผมเสกบ้างมันคงสุดยอดน่าดูครับ (หัวเราะ) ผมจึงเริ่มหาที่เรียน ซึ่งผมเป็นคนชอบเล่นคอมอยู่แล้วจึง search ผ่านอินเตอร์เน็ทเจอเวปไซต์นี้จึงได้มาลองเรียนดูก่อนว่ามันยากขนาดไหน กลัวจะทำไม่ได้ พอทำได้ก็เริ่มเรียนคอร์สใหญ่ขึ้นจนเป็น Pro3 ครับ ซึ่งคนสอนคือ อ.มามาด้า ครับ"แนวมายากลที่ชอบ"ทุกอย่างเกี่ยวกับ Close-up Magic (มายากลระยะใกล้) มันคือตัวผมเลย "นักมายกลที่ชื่อชอบ"Gregory Wilson, Paul Harris, Gary Kurtz"แรงบัลดาลใจ"นักมายากลทุกท่านที่เล่นแล้วผมอึ้ง ทำให้เราต้องกลับมาฝึกเพื่อที่จะทำได้อย่างนั้นบ้าง ได้แก่ อ.มามาด้า, อ.อาลี, ศูนย์ส่งเสริมศิลปะมายากล ทุกท่าน และก็พี่ๆ ทุกคนที่ขับรถไปส่งผมตลอดที่บ้าน ทำให้ผมมีแรงฝึกมายากลตอนกลางคืน"คิดยังไงต่อมายากล"หลายๆ คนอาจจะเห็นเป็นการหลอกลวง หรือเป็นการหลอกคนอื่น แต่ความคิดผมถือเป็นการแสดงอย่างหนึ่งที่สุดยอด และการจะได้มานั้นคุณต้องฝึกฝนอย่างเอาจริงเอาจัง เมื่อเราได้ฝึกและทำได้ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนได้รับคือความสนุกจากคนที่เล่นกลให้ดู แต่มันก็ต้องมีสิ่งที่เป็นอุปสรรคบ้างเช่น จากคนดู จากข้อมูล เป็นต้น ถ้าเราผ่านจุดนี้ไปได้ แก้จุดบกพร่องไปเรื่อยๆ คนดูจะสนุกกับคุณเอง เมื่อคุณรู้วิธีและแนวการเล่นของตัวเอง ต่างคนต่าง Happy ครับ ทั้งคนดู คนเล่น ผมจึงคิดว่ามายากลเป็นสิ่งดี สามารถสร้างความสามารถให้ตัวเอง สร้างมิตรภาพ สร้างเสียงหัวเราะ สร้างความพิศวง ได้ในเวลาเดียวกัน"สิ่งที่ต้องพัฒนา"ฝึกให้มากขึ้น พัฒนาอย่าหยุดนิ่ง, รับฟังความคิดเห็นเพิ่มมากขึ้นในการแสดง จากทุกท่านที่ติชม"คิดยังกับศูนย์ส่งเสริมศิลปะมายากล"การหาจุดเริ่มต้นบางทีหายาก ถ้าหาได้บางทีก็เป็นสิ่งที่เราทำไปผิด ศูนย์ส่งเสริมศิลปะมายากลถือเป็นจุดเริ่มต้น ของมายากลแห่งหนึ่ง และถ้าหมั่นฝึกฝนก็จะขึ้นสู่ที่สูงได้อย่างถูกต้องครับ อย่างหลายคนที่ผมเห็นในศูนย์ฯ ครับ และแน่นอน ผมก็เริ่มจากในศูนย์ฯ นี้ครับ คนสอนผมจับไพ่คนแรกคือ อ.มามาด้า"เป้าหมายในทางมายากล"ติด 1 ใน 3 การแข่งมายากลระยะใกล้ก็ดีใจแล้วครับ"ผลงานการแสดง"งานชมรมนักมายากลฯ"

Balance (บาลานซ์) นักมายากลไทย

ชื่อ ธนานนท์ วัชระสุขศิลป์ "แบงค์""Balance" บาลานซ์หลักสูตร มายากลอาชีพ Pro3

Angglero (แองเจิลโร่) นักมายากลไทย

ชื่อ สร้างสรรค์ สมกุศล "ชาลี"อายุ 16 ปี"Angglero" แองเจิลโร่หลักสูตร มายากลมืออาชีพขั้นสูง (Performance)เรียนอยู่ที่ ร.ร. สุรศักดิ์มนตรีอาชีพ นักเรียน, นักมายากลถนัดการแสดงมายากล"ไพ่เวที"นักมายากลที่ชื่อชอบ"Kenji Minemura, Jeff Mcbride"ไปไงมาไงถึงได้สนใจอยากเล่นมายากล?"คือว่าตอนเด็กผมชอบมายากลเป็นส่วนตัวอยู่แล้วผมชอบไปซื้อของมายากลตามห้างอยู่เป็นประจำจนมาเจอ และเคยดูการแสดงมายากลในวีดีโอ และโชว์มายากลจากที่ต่างๆ ของศูนย์ส่งเสริมศิลปะมายากล นี้ จึงมาเรียนครับ"ตอนนี้ได้ออกแสดงโชว์ที่ไหนแล้วบ้าง?"ก็มีบ้าง มีงานวิชาการโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา, งานมิตติ้งชมรมมายากล,งานปีใหม่ ฯลฯ"ใช้เวลาเรียนนานมั้ยก่อนขึ้นแสดงบนเวทีครั้งแรก?"7 วัน"ชื่อที่ใช้ในการแสดงคือ? ใครเป็นคนคิดชื่อนี้ให้? ทำไมถึงเลือกใช้ชื่อนี้ในการแสดง?"angglero อาจารย์มามาด้า เป็นคนตั้งให้ มาจากชื่อของไมเคิล แองเจอโร่ ศิลปินชื่อก้องโลก ผมก็ว่าเพราะดีจึงใช้ตั้งแต่นั้นมาจนถึงทุกวันนี้"แล้วมายากลส่งเสริมให้เรามีทักษะทางด้านอื่นอีกมั้ย?"มีครับ เพราะปกติผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก และนับว่าก่อนเรียนมายากลนี้ไม่ค่อยได้ขึ้นเวทีเลย แต่เมื่อมาเรียนมายากล ผมได้ความกล้าแสดงแล้ว ทักษะการแสดงที่นอกจากมายากลจากที่นี่อีกด้วยครับ" มีหลายคนบอกว่าการแสดงมายากลเป็นสิ่งที่ไร้สาระไม่มีประโยชน์ เป็นเรื่องหลอกลวงโกหก"ผมว่าไม่จริงนะครับ เพราะมันคือศิลปะในการแสดงอย่างหนึ่ง โดยแสดงเพื่อมอบความสุขให้กับคนดู มันไม่ใช่เรื่องโกหกหลอกลวงแต่ผมว่าเป็นความว่องไวของมือและทักษะของผู้แสดงมากกว่า"แล้วมาเรียนที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปะมายากล ได้ยังไงครับ?"เห็นทางเว็บและชอบพอดีจึงมาเรียนเพราะมีความมหัศจรรย์ซ่อนอยู่ในตัวของมันเอง"การเรียนการสอนของศูนย์ส่งเสริมศิลปะมายากล เป็นยังไงบ้าง?"สุดยอดเลยคับ อาจารย์จะสอนตัวต่อตัว แล้วก็สามารถกำหนดเวลาเองได้ด้วย ว่าจะเรียนเวลาไหน และยังมีข้อมูลให้ค้นคว้าเพิ่มเติมด้วย มีอุปกรณ์ให้ยืมอีก ที่สำคัญเป็นกันเอง รุ่นพี่รุ่นน้องสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพราะมีมีตติ้งทุกเดือน"ผลงานการแสดง
รางวัลดาวรุ่ง Stage Magic ยอดเยี่ยม "New Age Star Magic" ในงาน "รวมพลคนรักมายากลครั้งที่ 2"
รางวัลชนะเลิศประเภท "ความว่องไวของมือพิเศษ" ในงาน "Second Magic Contest 2005"
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการประกวดมายากลระดับมัธยมศึกษา ครั้งที่ 2
รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม ในงานรวมพลคนรักมายากล ครั้งที่ 3
นิตยสาร kids & family
MBK International Magic Festival 2007
ฯลฯรางวัลอื่นๆ
รางวัลนักเรียนความประพฤติ ดีเด่นประจำภาคเรียนที่ 2 ประจำปี 2547 โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 งานประกวดวาดภาพระบายสีในหัวข้อ "เยาวชนรุ่นใหม่ห่างไกลยาเสพติด" โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา

Dan Sylvester


อัจฉริยะมายากล...คนการ์ตูน วิทยาการสมัยใหม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามายากลสามารถสร้างให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เสมือนเป็นไปได้ดั่งใจนึก Dan Sylvester เป็นนักมายากลอีกคนหนึ่ง ที่สร้างสรรค์การแสดงของเขาขึ้นมาในรูปแบบของตัวการ์ตูน ในโลกแห่งทศวรรษใหม่ ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ในความมีจินตนาการอันสุดยอดของเขา Dan sylvester The Jester กับคำนิยามในการแสดงว่า A Real Live Cartoon เขาสร้างโลกทัศน์มายากลอันบรรเจิดเป็นหนึ่งเดียวที่มีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาใครเลียนแบบได้ยาก
Dan Sylvester สวมวิญญาณเป็นตัวการ์ตูน สร้างการแสดงของเขาโดยยึดแม่แบบจากตัวการ์ตูน ที่ชื่อ Sylvester นำเอาภาพลักษณ์ของตัวการ์ตูนมาผสมผสานเข้ากับเทคนิคของมายากล จนทำให้หลายต่อหลายคน ต่างยกย่องเขาว่าเป็นผู้เปลี่ยนมุมมองของมายากลให้สิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น เป็นการแสดงอีกรูปแบบหนึ่งที่ท้าทายกับท่าทางแบบการ์ตูนแฝงด้วยมุขตลก เหมือนการ์ตูน Sylvester นั้นมีตัวตนจริงๆ ในโลกแห่งนี้ ทำให้ผู้ชมเห็นว่าเขาไม่ได้เพียงแต่แสดงเป็นการ์ตูน แต่เขาสามารถทำในสิ่งที่การ์ตูนทำได้ทุกอย่าง และได้รับการยอมรับจากนักมายากลชื่อดังของโลกมากมายอย่าง Amazing Johnathan, Harry Blackstone.jr, Kevin James ฯลฯ นอกจากนี้แล้วเรื่องราวของเขายังได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสารชื่อดังมากมาย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นเครื่องยืนยันในความสามารถของ Dan Sylvester ได้เป็นอย่างดี จนทำให้เขาได้ แบบฉบับ ในความเป็นตัวของเขาเองขึ้นมา เขาได้นำเอาความเป็น การ์ตูนของ Waner Brother มาดัดแปลงเข้ากับการแสดงของเขา ไม่ว่าจะเป็นปากที่ห้อยยืดยาวลงมา ตาที่ถลนออกมา หรือแม้แต่ปากที่สามารถ ฉีกออกได้กว้าง สิ่งเหล่านี้คือสุดยอดไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ของเขา และอื่นๆ อีกมากมาย จุดนี้เองที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ คว้ารางวัลชนะเลิศมาแล้วหลายรายการ พร้อมทั้งในรายการทีวีต่างๆ รวมถึงงานมหกรรมมายากล จะเจอเขาไปปรากฏตัวอยู่บ่อยครั้ง ส่วนในบ้านเราคงเคยเห็นผ่านตากับการแสดงของเขามาบ้างแล้วใน UBC หรือเทปบันทึกภาพการแสดง Champion of Magic 4 ที่ Monti Carloและนี่แหละคืออีกหนึ่งของสุดยอดนักมายากลแห่งโลกยุคใหม่



ศูนย์ส่งเสริมศิลปะมายากล


Kenji Minemura


ในความน่าพิศมัยของมายากล มันมีความเป็นศิลปะอยู่ในตัวของมันเอง แฝงด้วยการสร้างภาพ และการนำเสนอ ทำให้ดูเหมือนว่านักมายากลเป็นดั่งเหมือนผู้วิเศษ มีเวตมนตร์ คาถา อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ในความอัศจรรย์ เหลือเชื่อ! เราอาจจะพูดคำนี้ได้อย่างเต็มปาก กับบุคคลผู้นี้ Kenji minemura นักมายากลผู้มากับสไตล์บาร์เทนเดอร์ เด็กหนุ่มจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศมายากลที่ญี่ปุ่นในปี 1999 และเป็นแชมป์โลกมายากลประเภทเวที (Manipulation) ในงาน FISM 2000 ที่ประเทศโปรตุเกส
ด้วยการแสดงกลฝีมือที่ยอดเยี่ยมในแบบฉบับของ “บาร์เทนเดอร์” กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาใครเลียนแบบได้ยาก มีบุคลิคเป็นของตัวเอง สร้างความโดดเด่นให้กับการแสดง และแตกต่างจากนักมายากลทั่วไปอย่างสิ้นเชิง โดยการนำเอาอุปกรณ์จำพวก ช้อน ส้อม จาน ขวด มีด เข้ามาใช้ในการแสดง และสร้างภาพออกมาได้อย่างน่าทึ่ง และน่าอัศจรรย์ใจ แทบจะบอกได้เลยว่า ทุกย่างก้าวของเขา สร้างความประทับใจให้ผู้ชมอยู่ตลอดเวลา การแสดงลื่นไหล เหมือนกับมีเวตมนตร์เสกอะไรได้ดั่งใจนึก ดูการแสดงของเขากี่รอบต่อกี่รอบก็ยังไม่รู้จักเบื่อ สำหรับผมชมแล้วแทบจะบอกได้เลยว่าขนลุก (ไม่ใช่ผีนะครับ) ได้ชมการแสดงของเขาในวีดีโอแล้วยังว่าสุดยอดเลย พอได้ชมการแสดงแบบสดๆ บนเวทีของเขาจริงๆ แล้วในงาน Thailand Magic Convention 2002 ที่ผ่านมามันยิ่งทำให้ประทับใจเขาหนักเข้าไปอีกล่าสุด Kenji Minemura ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติและยิ่งใหญ่ อีกหนึ่งรางวัลคือ Siegfried & Roy Award 2001 จากสองนักมายากลผู้ยิ่งใหญ่ของโลกในลาสเวกัส Siegfried & Roy เป็นผู้มอบรางวัลสำหรับผู้ที่มีความสามารถพิเศษสูงสุดในการแสดง และนี่แหละครับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบในความคิดสร้างสรรค์ ความมานะในการฝึกฝน และความพยายามก่อให้เกิดความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของการแสดง ก่อนที่เขาจะขึ้นเวทีแสดงได้อย่างชำนาญและคล่องแคล่ว เขาซ้อมและผ่านการฝึกซ้ำแล้วซ้ำอีกกี่ร้อยกี่พันรอบผมไม่อาจรู้ได้ แต่ผมเชื่อว่าเขาคงไม่ได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวแน่นอน


ฮูดินี่ Harry Houdini


ฮูดินี่ เป็นลูกคนที่ 5 ของนักบวชชาวฮังกาเรียน ซึ่งอพยพไปอยู่อเมริกาที่เมืองแอพเพิลตั้น รัฐวิสคอนซิล เกิดเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2417 โดยพ่อแม่ตั้งชื่อในครั้งแรกว่าอีริค เวสส์ เขาสนใจการแสดงตั้งแต่ได้ดูละครสัตว์ครั้งแรกเมื่ออายุ 6 ขวบ พออายุ 9 ขวบ ก็ร่วมแสดงกับคณะละครสัตว์ด้วยการผูกข้อเท้าแขวนเอาหัวห้อยลง ใช้เปลือกตาหยิบเข็มจากพื้นได้อย่างง่ายดายพออายุได้ 16 ก็เปลี่ยนชื่อเป็นแฮรี่ ฮูดินี่ เพื่อให้คล้องกับฮูแด็ง ชื่อของนักแสดงผู้โด่งดังชาวฝรั่งเศสฮูดินี่ ถูกตำรวจซานฟรานซิสโก ลองดีใส่กุญแจมือแล้วขังไว้ในห้องขังอย่างแน่นหนาไม่กี่นาทีเขาก็หนีออกมาได้อย่างสบาย ก็ไม่วายที่จะถูกลองซ้ำให้ใส่กุญแจมือเขาอย่างเดิมแล้วยัดลงในหีบไม้ปิดฝาตอกตะปู เอาเชือกมัดอย่างแน่นตึงโยนลงน้ำถ่วงด้วยสมอ ไม่กี่นาทีเขาก็โผล่ตัวเปล่าขึ้นจากน้ำอย่างร่าเริง คงไม่มีการแสดงครั้งไหนที่ตื่นเต้นหวาดเสียวเหมือนเมื่อปี 2449 ที่เมืองดีทรัวท์ โดยใส่กุญแจมือทั้งสองติดกันแล้วมัดลำตัวให้แน่นด้วยโซ่ ให้เขาพุ่งลงยังพื้นน้ำที่เป็นน้ำแข็งซึ่งมีช่องโหว่พอตัวลงได้พอดีคนดูไม่สบายใจกระวนกระวายอยู่ 6 นาทีฮูดินี่ จึงโผล่ขึ้นมาโดยปราศจากโซ่และกุญแจ การแสดงของเขาไม่ใช่เล่นกลหรือหลอกลวงแต่อย่างใดมันเป็นการแสดงถึงความสามารถในการช่วยตัวเองให้พ้นจากพันธนาการ เรียกการแสดงของเขาว่าการแสดงปาฏิหารย์ และเขาก็จบชีวิตลงด้วยการแสดงปาฏิหารย์ผิดพลาด เมื่อพ.ศ.2469 ในการแสดงที่มอนตรีล แต่โชคดีเขาได้บันทึกเคล็ดลับไว้ก่อนตาย สั่งให้สำนักงานทนายความในนิวยอร์คเปิดซองในวันที่ 6 เมษายน 2517 วันนั้นผู้ที่เฝ้ารอคอยก็ได้ล่วงรู้เคล็ดลับของเขาว่าทำยังไงเป็นที่ยอมรับกันว่าในรอบศควรรษที่ผ่านมา ไม่มีนักวิทยากลคนใดที่จะมีชื่อเสียงก้องโลกเท่ากับเค้าคนนี่แฮรี่ ฮูดินี่ ผู้ที่ยอมให้ผู้ชมนำกุญแจมือและโซ่ตรวนมาจากบ้านแล้วพันธนาตัวเขาอย่างแน่นหนาก่อนที่จะโยนลงไปในแม่น้ำที่เย็นเฉียบอุณภูมิเกือบ 0 องศาฯ หากว่าเขาไม่สามารถช่วยตัวเองให้หลุดพ้นจากกุญแจมือและโซ่ตรวนที่พันกายอยู่เกินหนึ่งหรือสองนาที ก็เป็นที่แน่นอนว่าเขาต้องจมน้ำตายอยู่ตรงจุดที่เขาแสดงนั่นเองผู้ที่เคยชมการแสดงของเขาแทบทุกคนต่างมีความสงสัยว่าฮูดินี่ ทำเช่นนั้นได้อย่างไร เพราะนักวิทยากลคนอื่นๆ ยังไม่มีใครที่มีความสามารถทัดเทียมกับเขาได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวถึงเบื้องหลังความสำเร็จของยอดนักมายากลผู้นี้ เพราะกว่าที่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นนักมายากลผู้ยิ่งใหญ่ของโลกได้ ก็ต้องใช้เวลากับการฝึกฝนในศิลปะชนิดนี้อยู่นานไม่น้อยทีเดียวการสะเดาะกุญแจมือ ในตอนที่ยังหนุ่มฮูดินี่ ให้ความสนใจกับเรื่องกุญแจมือที่ตำรวจใช้ในการควบคุมตัวผู้ต้องหามากที่สุด เขาได้หาซื้อกุญแจมือเหล่านั้นทุกชนิดมาศึกษาอย่างละเอียด เพื่อหาทางสะเดาะมันออกโดยไม่ต้องใช้ดอกกุญแจ เพราะเห็นว่าการแสดงกลไพ่กำลังฮิตอยู่ในสมัยนั้นมันจะทำให้เขามีชื่อเสียงอยู่ไม่นาน ฮูดินี่ คิดว่าหลังจากนั้นเขาค้นคว้ามายากลทางด้านการสะเดาะกุญแจได้สำเร็จแล้วเขาจะเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้นำกุญแจมือมาสับข้อมือของเขาทั้งสองต่อหน้าผู้ชมและจะทำการสะเดาะกุญแจให้หลุดออกจากมือโดยไม่ต้องใช้ดอกกุญแจ และความช่วยเหลือจากใครภายในเวลาไม่กี่วินาที เริ่มต้นเขาได้ตระเวนหาซื้อกุญแจมือทุกชนิดเท่าที่จะหาซื้อได้มาศึกษาถึงเรื่องกลไกของมันอย่างละเอียดก่อน ต่อจากนั้นเขาก็ไปหาช่างทำกุญแจผู้มีชื่อเสียงทั้งหลาย เพื่อจะแลกเปลี่ยนทัศนะและความคิดซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นเขาได้คิดค้นวิธีสะเดาะกุญแจมือทุกชนิดด้วยตัวเองจนกระทั่งเขามีความชำนาญ และยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ศึกษาถึงการสะเดาะโซ่ตรวนผูกขานักโทษร้ายแรงในเรือนจำโซ่ตรวนที่ตรึงขานักโทษไว้ทั้งสองข้างนั้นมิได้ใช้ระบบกุญแจ แต่ใช้ห่วงเหล็กขนาดใหญ่ประกบเข้าหากันด้วยเครื่องหนีบโซ่ตรวนซึ่งต้องใช้พลังมาก เมื่อถึงวันทำการแสดงการสะเดาะโซ่ตรวนเป็นครั้งแรกฮูดินี่ ได้ขอให้ตำรวจนำกุญแจมือและโซ่ตรวนตรึงขาของกองตำรวจเองมาใช้ในการแสดง เริ่มต้นเขาถูกใส่กุญแจมือไว้อย่างแน่นหนาทั้งสองข้าง แล้วจึงใช้โซ่ตรวนตรึงขาของเขาทั้งสองไว้ อย่างเดียวกับที่ปฏิบัติกับนักโทษทั้งหลาย ต่อจากนั้นก็นำเขาไปขังไว้ในห้องขังลูกกรงเหล็ก ภายในห้องขังที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกหมดเสียก่อนจะนำตัวเข้าสู่ห้องขัง ทั้งนี้เพื่อจะให้ทุกคนแน่ใจว่าเขาไม่ได้นำดอกกุญแจหรือสิ่งใดซ่อนเร้นไปกับตัว ในวันรุ่งขึ้นฮูดินี่ ได้ปรากฏตัวที่หน้าโต๊ะทำงานของสารวัตรตำรวจหัวหน้าสถานีตำรวจแห่งนั้นแต่เช้าตรู่ในสภาพล้อนจ้อนนุ่งกางเกงในเพียงตัวเดียวเช่นตอนที่นำเข้าสู่ห้องขังซึ่งตำรวจผู้มีหน้าที่เฝ้ายามคืนนั้นต่างให้การเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาไม่รู้ว่าฮูดินี่ สะเดาะโซ่ตรวนและกุญแจมือหนีออกจากห้องขังได้อย่างไรกัน การแสดงครั้งนี้ของฮูดินี่ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หนังสือพิมพ์ลงข่าวนี้อย่างคึกโครมเป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน แต่เพราะเหตุที่การแสดงของเขาเกี่ยวกับการแหกห้องขังและการสะเดาะกุญแจครั้งนั้นเป็นการแสดงครั้งแรก ผู้คนส่วนใหญ่จึงยังไม่เชื่อว่าฮูดินี่ สามารถสะเดาะกุญแจทุกชนิดได้จริง มีนักคอลัมนิสต์บางคนให้คำวิจารณ์ออกมาว่าฮูดินี่ อาจเข้าไปในคุกด้วยเงินปึกหนึ่งในกำมือ และเขาใช้เงินปึกนั้นเองในการพาตัวออกจากห้องขังซึ่งคำวิจารณ์ดังกล่าวเป็นคำเสียดสีที่มีความหมายว่าฮูดินี่ ไม่ได้แหกห้องขังหรือทำการสะเดาะกุญแจต่างๆ ด้วยฝีมือของเขาเองหรอก เพียงแต่เขาใช้เงินจ้างวานเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้เท่านั้น แต่เมื่อการแสดงของฮูดินี่ ในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และเขายินดีให้ใครก็ได้ที่ยังสงสัยในความสามารถของเขาเป็นผู้มาจัดการใส่กุญแจมือ และคุมห้องขังด้วยตัวเอง ซึ่งทุกครั้งเขาก็สามารถทำได้ไม่มีการผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว สำหรับวิธีการสะเดาะและการแหกห้องขังของฮูดินี่ นั้นเขาจะปกปิดไว้เป็นความลับที่สุด โดยไม่ยอมถ่ายทอดให้แก่ผู้ใด ซึ่งทั้งนี้เขาได้ให้เหตุผลว่าหากความรู้ดังกล่าวแพร่หลายออกไปแล้ว คุกหรือห้องขังของตำรวจก็จะไม่มีความหมายกับพวกโจรแต่อย่างใด และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ฮูดินี่ รักษาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ติดตัวไปจนตายการหนีออกจากตู้นิรภัยขนาดใหญ่ การแสดงครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของแฮรี่ ฮูดินี่ คือหนีออกจากตู้นิรภัยขนาดใหญ่ที่เชื่อว่ามั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยที่สุดสำหรับเก็บทรัพย์สินในสมัยนั้น การแสดงเริ่มต้นด้วยการเขียนจม.ท้าทายจากนายเจ อาร์ ปอล นักทำตู้นิรภัยที่มีผลงานอันเป็นที่เชื่อถือได้ในสมัยนั้น ข้อความในจดหมายดังกล่าวความว่า : เรียนคุญแฮรี่ ฮูดินี่ ที่นับถือ ผมได้สร้างตู้นิรภัยขนาดใหญ่มีน้ำหนัก 800 กว่ากิโลกรัมไว้ใบหนึ่งผมเชื่อว่าตู้นิรภัยใบนี้มีระบบใส่กุญแจอัตโนมัติที่ซับซ้อนที่สุดตั้งแต่ผมเคยสร้าง ซึ่งผมมั่นใจว่ามันจะสามารถป้องกันการโจรกรรมจากขโมยอาชีพได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ดังนั้นผมจึงอยากจะกล่าวว่าหากท่านมีความสามารถในการสะเดาะกุญแจทุกชนิดแล้วละก็ลองเข้าไปอยู่ในตู้นิรภัยใบนี้ของผมดูสักครั้งเป็นไง หากคุณสามารถช่วยตัวเองออกมาได้ สิ่งที่ผมจะต้องสูญเสียก็คือจะไม่มีผู้ใดสั่งซื้อตู้นิรภัยของผมอีกต่อไป และนั่นหมายถึงการสิ้นสุดในอาชีพนี้ของผมซึ่งกำลังเฟื่องฟูอยู่เต็มที่ในเวลานี้ แต่ในทางที่กลับกันหากคุณไม่สามารถออกจากตู้นิรภัยของผมใบนี้ได้ มันก็เป็นโฆษณาที่ดีให้กับผลิตภัณฑ์ของผม เพราะในเมื่อแฮรี่ ฮูดินี่ ยังไม่สามารถเอาชนะระบบกุญแจอันซับซ้อนในตู้นิรภัยของผมได้แล้ว โจรหรือขโมยคนไหนล่ะ ที่จะสามารถเปิดตู้นิรภัยของผมออกได้ ถ้าคุณสนใจในข้อเสนอของผมโปรดแจ้งความประสงค์มาทันทีผมจะจัดการนำตู้นิรภัยใบนี้ไปทำการทดสอบต่อหน้าประจักษ์พยานในสถานที่หนึ่งที่ใดก็ได้ตามความสะดวกของคุณด้วยความเคารพนับถือเจ อาร์ ปอลหลังจากอ่านจม. ฉบับนั้นแล้วฮูดินี่ ก็ยอมรับคำท้าทันที การแสดงครั้งนั้นกระทำที่โรงภาพยนตร์อุสตัน พาเลช ในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ.1908 ภายใต้การเฝ้าดูของผู้ชมจำนวนคับคั่งแน่นโรงละคร เมื่อการแสดงเริ่มต้นขึ้นฮูดินี่ ได้เข้าไปในตู้นิรภัยใหญ่ใบนั้น ขณะที่นายเจ อาร์ ปอล ได้ทำการล็อกประตูตู้เหล็กด้วยตัวเองเพื่อความมั่นใจการสะเดาะประตูตู้นิรภัยครั้งนี้ของฮูดินี่ ครั้งนี้ผิดกับการแสดงการสะเดาะกุญแจมือที่เคยแสดงมาก่อน เพราะต้องสะเดาะออกมาจากภายในตู้เหล็กที่ไม่มีทางสอดสิ่งใดเข้าไปในรูกุญแจได้และภายในตู้นิรภัยใบนั้นก็มีอากาศจำกัดหากเขาต้องใช้เวลานานเกินไป เขาอาจขาดออกซิเจนตายไปเสียก่อนก็ได้ เมื่อจัดการล็อกประตูนิรภัยเรียบร้อยแล้วทางเจ้าหน้าที่ได้นำม่านสีดำมาล้อมปิดตู้เอาไว้เพื่อไม่ให้ผู้ชมหรือบุคคลอื่นๆ เห็นได้ว่าเขาใช้วิธีใดออกมาจากตู้นิรภัยใบนั้นส่วนนายเจ อาร์ ปอล และเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต้องไปยืนรออยู่ห่างๆ หน้าเวทีโรงภาพยนตร์แห่งนั้นเช่นเดียวกันเป็นเวลานานที่ผู้ชมทั้งหมดในโรงภาพยนตร์ต่างเฝ้าดูด้วยความตื่นเต้น เพราะหากฮูดินี่ ใช้เวลานานเกินไปเขาอาจตาย และเมื่อเวลาผ่านพ้นไปนานพอสมควรจะเชื่อได้ว่าฮูดินี่ ไม่สามารถออกมาจากตู้นิรภัยใบนั้นได้แล้วเจ้าหน้าที่ก็ได้เปิดม่านออกเพื่อจะให้นายเจ อาร์ ปอล ทำการเปิดตู้นิรภัยด้วยตนเองต่อไป แต่เมื่อผ้าม่านถูกเปิดออกผู้ชมทั้งหมดต่างเห็นฮูดินี่ นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆ ตู้นิรภัยใบนั้นอย่างสบายอารมณ์อยู่ก่อนแล้วทุกคนต่างพากันหายใจอย่างโล่งอกเพราะเขารอดพ้นจากความตายออกมาได้การหนีออกจากเสื้อรัดตัว ในขณะที่ฮูดินี่ เดินทางไปแสดงมายากลทั่วประเทศแคนาดา ในปีค.ศ. 1894 นั้น เขาได้เห็นหมอในโรงพยาบาลโรคจิตของประเทศนั้นใช้เสื้อแจ็คเก็ตรัดตัวคนไข้ในขณะที่คนป่วยโรคจิตเหล่านั้นอยู่ในอาการบ้าคลั่ง สำหรับคนป่วยโรคจิตเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าหากเกิดอาการบ้าคลั่งขึ้นมาแล้วเขาจะมีพลังมหาศาลที่คนอื่นไม่อาจจับเอาไว้อยู่ ดังนั้นทางโรงพยาบาลโรคจิตจึงได้สร้างเสื้อรัดตัวสำหรับใส่ให้ผู้ป่วยที่กำลังอยุ่ในอาการบ้าคลั่ง ซึ่งผู้ป่วยไม่สามารถถอดเสื้อตัวนั้นออกได้เลย จึงจำเป็นต้องสงบสติลงไปเองในที่สุด ฮูดินี่ ได้ขอยืมเสื้อรัดตัวคนไข้ชนิดนี้จากโรงพยาบาลประสาทแห่งนั้น เพื่อไปศึกษาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ จากนั้นเขาก็เสนอการแสดงการเอาตัวรอด จากเสื้อแจ็คเก็ตชนิดนั้นให้ได้ ซึ่งก็ได้มีการทดลองต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากซึ่งทางโรงพยาบาลได้นำเอาเสื้อรัดตัวคนไข้ตัวใหม่ที่เชื่อว่าแข็งแรงที่สุดนำมาทดสอบกับเขา หลังจากที่ทำการสวมเสื้อตัวนั้นและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจัดการรัดไว้อย่างแน่นหนาแล้ว ฮูดินี่ ก็สามารถเอาตัวหลุดออกจากเสื้อดังกล่าวได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 นาที การแสดงเอาตัวรอดจากเสื้อรัดตัวคนป่วยโรคจิตของฮูดินี่ กระทำต่อหน้าฝูงชนมากมายหลายครั้งด้วยกัน แต่ครั้งที่ยากที่สุดก็คือการแสดงในเยอรมัน ที่ตำรวจเยอรมันได้นำเอาเสื้อชนิดเดียวกันแต่แข็งแรงและรัดได้แน่นกระชับกว่ามาทำการทดลอง เสื้อตัวนั้นเมื่อใส่และรัดสายหนังไว้ทางเบื้องหลังเรียบร้อยแล้ว ความแน่นของมันทำให้เขาหายใจแทบไม่ออกเลยทีเดียวฮูดินี่ ต้องใช้เวลาครั้งนั้นนานถึง 90 นาที เต็มกว่าจะเอาตัวรอดออกมาได้ แต่ถึงกระนั้นก็เป็นที่ยอมรับของผู้ชมว่าเขามีความสามารถจริงๆการเอาตัวรอดใต้น้ำ การแสดงที่นับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของฮูดินี่ ก็คือการให้ผู้ชมใส่กุญแจมือ รวมกันไว้ทั้งสองข้างแล้วนำไปใส่ในหีบใส่กุญแจอย่างหนาแน่นอีกครั้งหนึ่ง เสร็จแล้วก็นำหีบใบนั้นโยนลงในลำคลองหรือแม่น้ำที่มีน้ำเย็นจัด การแสดงวิธีนี้มันหมายถึงเขาต้องทิ้งชีวิตภายใต้พื้นน้ำที่เย็นจัดทันทีหากเขาไม่สามารถเอาตัวรอดออกมาจากหีบในนั้นและสะเดาะกุญแจมือออกได้ภายในเวลาจำกัด ฮูดินี่ มีความสามารถพิเศษอยู่อย่างหนึ่งที่ผิดกับคนธรรมดา กล่าวคือเขาสามารถจะกลั้นลมหายใจได้นานกว่าคนอื่นถึงสามถึงสี่เท่าตัว และสิ่งนี้เองที่ทำให้เขารอดพ้นจากเครื่องพันธนาการใต้น้ำและเอาชีวิตรอดได้ แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่เขาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด อย่างเช่นในการแสดงในเมืองดีทรอยด์ ในปี ค.ศ. 1809 นั้นเขาถูกใส่กุญแจมือทั้งสองข้างแล้วใส่ในหีบปิดฝาใส่กุญแจแน่นหนาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะโยนลงไปจากสะพานเบลเล ไอเซิล ที่มีน้ำเย็นเฉียบอยู่ด้านล่าง พื้นน้ำตรงนั้นมีความลึกถึง 25 ฟุตและและมีแผ่นน้ำแข็งจากทางเหนือลอยมาเป็นแพเต็มไปหมด ฮูดินี่ ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการแสดงครั้งนั้นจนทำให้ใครๆ ที่เฝ้าชมอยู่ริมฝั่งและบนสะพานต่างคิดว่าเขาคงเสียชีวิตแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ก็เกือบจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเมื่อเขาโผล่ขึ้นมาก่อนจะถึงพื้นน้ำนั้นแผ่นน้ำแข็งแผ่นใหญ่ได้ลอยมาอยู่ตรงศรีษะพอดี ฮูดินี่ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังในตอนหลังว่าตอนที่ศรีษะของเขาชนกับแผ่นน้ำแข็งที่อยู่เหนือศรีษะนั้น โชคดีที่ยังมีช่องว่างระหว่างแผ่นน้ำแข็งกับพื้นน้ำให้เขาดันจมูกขึ้นหายใจสูดอากาศเอาไปได้บ้าง เขาจึงสามารถดำน้ำรอดพ้นจากแผ่นน้ำแข็งแผ่นนั้นมาได้การแสดงครั้งสำคัญในอังกฤษ ดูเหมือนว่าการแสดงเกี่ยวกับการสะเดาะกุญแจมือ ของฮูดินี่ นั้น ครั้งที่มีชื่อเสียงที่สุดคือการแสดงที่ฮิปโปโดมในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1904 ซึ่งมีผู้ชมการแสดงหนาแน่นกว่า 4,000 คน และหลังจากจบการแสดงลงแล้ว หนังสือพิมพ์ต่างเอาไปเขียนข่าวอย่างครึกโครมติดต่อกันหลายวันเหตุที่ฮูดินี่ มีชื่อเสียงโด่งดังในครั้งนั้น ก็เพราะกุญแจมือที่เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันการโจรกรรมผู้มีความชำนาญในเทคนิคด้านนี้ได้จัดทำขึ้นเองทั้งหมด ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่อังกฤษ และผู้ชมเชื่อใจได้ว่าหากฮูดินี่ สามารถสะเดาะกุญแจมือได้ในครั้งนี้ เขาจะเป็นยอดอัจฉริยะทางมายากลที่ไม่มีผู้ใดเท่าเลย เมื่อการแสดงเริ่มขึ้นเขาถูกใส่กุญแจมือที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอังกฤษสองอันในคราเดียวกัน หลังจากตรวจตราความมั่นคงของกุญแจนั้นแล้วฮูดินี่ ก็ถูกใส่ในถุงผ้าสีดำอีกต่อหนึ่งแล้วจัดการปิดปากถุง เสร็จแล้วเป็นเวลาฮูดินี่ เริ่มทำการสะเดาะกุญแจมือทั้งสองอันเอาตัวออกมาจากถุงผ้าสีดำนั้นเป็นเวลา 15.15 นาฬิกาพอดี ฝูงชนกว่า 4,000 คนต่างเฝ้าดูกันด้วยความตื่นเต้น เมื่อเวลาผ่านพ้นไปประมาณ 15 นาทีฮูดินี่ จึงได้โผล่ออกมาจากถุงผ้าใบนั้น ฝูงชนที่เฝ้าดูต่างร้องว่า "เขาทำสำเร็จแล้ว" แต่เหตุการณ์หาเป็นดังนั้นไม่ กุญแจมือทั้งสองอันยังอยู่ในมือของเขาอยู่ ที่เขาโผล่ศรีษะและยื่นมือออกมาจากถุงผ้าสีดำก็เพื่อจะดูกุญแจมือคู่นั้นภายใต้แสงสว่างจากดวงไฟภายในที่แสดงแห่งนั้นให้ชัดเจนจากนั้น เมื่อเวลา 15.37 น.เขาก็มุดเข้าไปในถุงผ้าสีดำอีก เขาใช้เวลาอยู่ 7 นาที จนถึงเวลา 15.44 น. เขาก็โผล่ออกมาใหม่โดยไม่มีกุญแจมือสวมติดไว้ที่ข้อมือของเขาแต่อย่างใดผู้ชมต่างตบมือให้เขาเป็นเวลานานที่สุดเท่าที่ผู้แสดงคนใดได้รับมาก่อน และเรื่องราวการแสดงของเขาในครั้งนี้เป็นที่พูดคุยกันของชาวลอนดอน เป็นเวลานานการหนีออกจากถังใส่นม ฮูดินี่ เคยแสดงการหนีออกจากถังใส่นมได้สำเร็จทุกครั้งที่มีการแสดง ทั้งๆ ที่ถังใส่นมเหล่านั้นต่างถูกปิดฝาและใส่กุญแจปากถังเอาไว้ข้างนอก แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาเกือบจะเสียชีวิตเพราะการแสดงแบบนี้ ทั้งนี้เพราะมีผู้ท้าทายให้เขาลงไปในถังเบียร์แทนถังนมซึ่งก็ได้ปิดฝาใส่กุญแจไว้ข้างนอกเช่นเดียวกันการแสดงครั้งนั้นเปิดขึ้นที่โรงภาพยนตร์ เอ็มไพร์ ในกรุงลอนดอน แต่หลังจากที่เขาถูกใส่กุญแจอยู่ในถังเบียร์แล้วฟองแอลกอฮอล์ภายในถังทำให้ฮูดินี่ ไม่สามารถปฏิบัติการเช่นที่เคยทำตอนถูกขังอยู่ในถังนมหรือถังใส่น้ำจนเต็มมาก่อนได้ และเมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าเขาใช้เวลานานเกินควรคงจะมีอะไรผิดปรกติ เกิดขึ้นจึงได้รีบเปิดถังเบียร์นำร่างอันไร้สติของเขาออกมา การแสดงครั้งนั้นทำให้เขาเกือบเสียชีวิต และเขาก็ได้บทเรียนว่าการอยู่ภายใต้ของเหลวที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่นั้นมันทำให้เขาไม่สามารถจะทำอะไรได้ตามที่นึกคิดเอาไว้"บันทึกของฮูดินี่" ในบรรดาบันทึกต่างๆ ที่ฮูดินี่ เหลือทิ้งเอาไว้ให้บรรดานักมายากล รุ่นหลังได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับการแสดงมายากล ก็คือวิธีแสดงเทคนิคพลิกแพลงในการปลดเครื่องพันธนาการต่างๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ฮูดินี่ เป็นนักมายากลที่มีชื่อเสียงมาก ผลงานการแสดงของเขาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกได้ฝากความประทับใจให้แก่บรรดาผู้ชมนับจำนวนเป็นล้านๆ คน ซึ่งต่างก็ยอมรับกันว่าเขาเป็นยอดคน ที่สามารถเล็ดรอดจากเครื่องพันธนาการทุกชนิดได้อย่างน่าอัศจรรย์ และอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ บันทึกของฮูดินี่ เท่าที่มีหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่นักมายากลรุ่นหลังเป็นอย่างมากซึ่งต่างก็ไม่สามารถที่จะหาเงื่อนงำในการแสดงของฮูดินี่ ได้ เขามีวิธีการแสดงอย่างไรถึงสามารถพ้นเครื่องพันธนาการได้ทุกชนิด การแสดงกลของเขาไม่มีการบรรยายวิธีการแสดงไว้เป็นลายลักษณ์อักษรพอที่จะให้บุคคล ชนรุ่นหลังได้ถือเป็นแบบฝึกหัดปฏิบัติตามแต่อย่างใด ส่วนตัวของฮูดินี่ เองแล้วเขาใช้ความเคยชินและความชำนาญที่เขามีอยู่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเข้าใจได้ดีนอกจากตัวของฮูดินี่ เอง บันทึกที่น่าสนใจตอนหนึ่งเกี่ยวกับการแสดงกลแบบนี้ปรากฏอยู่ในสมุดบันทึกเก่าๆ เล่มหนึ่งซึ่งไม่มีปกหุ้ม บันทึกเป็นตัวอักษรโดยเครื่องพิมพ์ดีด บางตอนมีภาพประกอบซึ่งใช้ดินสอเขียนเป็นแบบร่าง ฮูดินี่ เขาเป็นคนช่างสังเกต เขาจะจดบันทึกทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เขาได้พบเจอลงไปในกระดาษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ที่เขาได้พบเห็น แล้วเขาก็จะเก็บเอาสิ่งเหล่านั้นมาคิดแล้วลงมือทดลองปฏิบัติพร้อมกับดัดแปลงแก้ไขหาความชำนาญให้กับตัวเองโดยตลอด บันทึกบางอย่างของเขาเป็นการแสดงความคิดเห็น บางชิ้นเป็นแผนผังโครงร่างเกี่ยวกับการแสดง บันทึกต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนี้ล้วนเป็นวิธีการของเขา เองทั้งสิ้น สำหรับวิธีการต่างๆ ที่นำมารวบรวมไว้เป็นวิธีที่รวมมาจากบันทึกต่างๆ ของเขาซึ่งนำมาดัดแปลง แต่งเติมให้ง่ายต่อการที่จะทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นต่อการที่คนอื่นจะนำไปปฏิบัติตามภายหลัง มีข้อสังเกตอยู่หลายประการที่ทำให้เข้าใจว่า ฮูดินี่ เองก็ปรารถนาที่จะนำเอาบันทึกต่างๆ เหล่านี้ของเขาจัดพิมพ์รวบรวมเป็นเล่มอยู่เหมือนกัน แต่วิธีที่เขาจะทำก็เพียงแสดงให้รู้ว่าเป็นกลชุดใด ไม่มีการอธิบายใดๆ ว่ากลที่เขาทำอยู่นั้น ต้องปฏิบัติอย่างไร เพราะเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยเคล็ดมายากลที่เขาเล่นอยู่ ในบันทึกนั้นมีมายากล อยู่หลายชุดที่เขาได้พิมพ์ไว้แล้วอย่างเรียบร้อย พร้อมที่จะนำออกไปตีแผ่ได้ทุกเมื่อ แต่ก็มีเพียงแค่บอกวิธีการจัดเตรียมสิ่งของเพียงเท่านั้น ส่วนการแสดงอื่นๆ ปรากฏว่าได้ขาดหายไป หรืออาจจะกล่าวได้ว่า เขาไม่ได้เขียนไว้ในบันทึกเลย เมื่อเขามีการแสดงโชว์การหนีจากเครื่องพันธนาการใดๆ ที่ต้องใช้อุปกรณ์การแสดงที่คล้ายๆ กัน เขาก็จะบอกว่ากลชุดแรกจะเล่น คล้ายๆ ชุดที่ 2 ซึ่งเขาเองจะไม่อธิบายวิธีการเล่นที่สมบรูณ์ให้คนอื่นรู้เลย จากเหตุผลดังกล่าวประกอบกับความลี้ลับต่างๆ ที่มีแฝงอยู่ในบันทึกเหล่านั้น เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาจะบันทึกเอาไว้ซึ่งขัดกับความเป็นจริงมาก ถึงแม้เขาจะเคยนำเอาสิ่ง ที่เขาบันทึกไว้มาแสดงให้ดูจริงๆ แล้วก็ตาม แต่บันทึกดังกล่าวก็ยังมีเงื่อนงำเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการสะเดาะกุญแจมือและการเล็ดรอดออกมาได้ จากการถูกผูกมัดด้วยเชือกของฮูดินี่ โดยวิธีต่างๆ มาอธิบายประกอบไว้บ้างพอเป็นแนวทาง บันทึกเหล่านั้นประกอบด้วยการแสดงอย่างน่าอัศจรรย์ในวิธีการของเขา ไว้เป็นส่วนมาก ส่วนบันทึกที่เข้าใจว่าเขาจะจัดพิมพ์เป็นการสุดวิสัยที่จะนำมาเผยแพร่ไว้ในที่นี้ได้ ปัจจุบันแฮร์รี่ ฮูดินี่ ได้เสียชีวิตแล้วจากความผิดพลาดในการแสดงของเขาเอง



ชีริล (Cyril)




ชีริล (Cyril)
เป็นนักมายากลคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วและถือว่าเขาเป็นดาวดวงใหม่ที่ร้อนแรงที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ในเดือนมิถุนายนปี 2004 เขาแสดงโชว์โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมงเต็ม เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 ปีผ่านทาง ทีวี โตเกียว และเขาก็ได้รับการตอบรับจากผู้ชมที่ดีมากๆ ในการแสดงโชว์ครั้งล่าสุดของเขา ชีริลทำให้คนดูต้องทึ่งด้วยการบันจี้จัมพ์ ลงมาจากลาสเวกัส โฮเทล พร้อมด้วยการถือดาบไว้ในมือและใช้ดาบเลือกไพ่ที่ลอยอยู่ในสระว่ายน้ำของโรงแรม มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ! และมันก็บ้ามากๆ ด้วย!
และผู้ชมทางโทรทัศน์ก็ได้ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงของเขาอีกครั้ง ที่จริงแล้วเป็นของปู่ของเขาต่างหากซึ่งถือว่าเป็นนักมายากลอาชีพที่อายุมากที่สุดก็ว่าได้ นอกจากนี้ผู้ชมยังได้พบกับเพื่อนนักมายากลคนหนึ่งของเขาซึ่งมีพรสวรรค์แต่น่ารำคาญคือเดโร่ (Dero) มายากลของชีริล เป็นต้นฉบับ และมีสไตล์ในแบบของเขาเองชีริล ไม่เพียงแต่จะจำกัดงานของเขาในญี่ปุ่นเท่านั้น ในอเมริกาเขาก็เป็นสมาชิกของ Magic X Live ซึ่งเป็นกลุ่มนักมายากลอายุน้อยและมาแรงที่สุดในโลกจำนวน 10 คน ซึ่งเปลี่ยนมายากลจากเพียงการนำกระต่ายออกมาจากหมวกให้เป็นการแสดงมายากลที่แปลกใหม่ออกไปสมาชิกของ Magic X Live ได้ร่วมการสร้างรายการทีวีขึ้นที่ชื่อว่า T.H.E.M. (Totally Hidden Extreme Magic) ซึ่งแพร่ภาพในอเมริกา ออสเตรเลีย และอังกฤษ เป็นรายการซึ่งนำเสนอการเล่นมายากลที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา ทั้งแบบที่หลุดโลกและน่าพิศวง ทั้งยังมีการถ่ายทำแบบลับๆ โดยกล้องที่ซ่อนไว้ การที่เขาเกิดและโตในฮอลลีวู้ด, แคลิฟอร์เนีย จากพ่อชาวโอกินาว่าและแม่ซึ่งเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-โมรอคโค เขาจึงได้เรียนรู้มายากลตั้งแต่อายุได้ 6 ขวบ เมื่อเพื่อนของพ่อแม่เขาพาไปชมการแสดงโชว์ที่ลาสเวกัส และในตอนนั้นเองที่เขาติดใจ เริ่มต้นเรียนรู้และฝึกฝนมายากลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ชีริลได้เข้าร่วมในโปรแกรมมายากลของเยาวชนที่มีชื่อในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งที่นั่นเขาได้เริ่มเรียนรู้ พัฒนาทักษะทางมายากลและนั่นก็ช่วยให้เขาเป็นนักแสดงมายากลมืออาชีพในปี 1994 F.I.S.M.(Federation International Society du Magique) มอบรางวัลนักมายากลระดับยอดเยี่ยมในแขนง Grand Illusion ให้กับเขาซึ่งรางวัลนี้ถือว่าเป็นรางวัลระดับโอลิมปิคของวงการมายากล ดังนั้นจึงทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลกในปี 1997 เขาได้พบกับคู่หูและแดนเซอร์ของเขาคือ เจน (Jane) และพวกเขาทั้งสองคนก็เริ่มพัฒนาการแสดงใหม่ๆ เจนยอมรับว่า "มายากลทำให้ฉันมีมุมมองใหม่ๆ ในการเต้นและการแสดงบนเวที" และผลการความพยายามพัฒนาการแสดงของพวกเขาก็ออกมาดีจนทุกคนต้องทึ่ง ทั้งชีริล และเจน ร่วมกันแสดงพบเวทีได้อย่างมีศิลปะและสวยงาม การได้ดูพวกเขาแสดงมันเหมือนกับการดูบทกลอนที่เคลื่อนไหวไปด้วยความสวยงามและในปี 2001 สิ่งต่างๆ ที่พวกเขาทำมาก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อชีริล และเจน ได้รับรางวัล Golden Lion Award ในการสัมมนา Siegfried and Roy's World Magic Seminar ในลาสเวกัสชีริลกลายเป็นที่รู้จักของคนที่ชื่นชอบมายากลทั่วโลก และหลายๆ ที่ก็ต้องการให้เขาไปแสดงโชว์ โดยเขาจะพิถีพิถันในการวางแผนการแสดงให้เหมาะสมกับสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป รวมทั้งวางแผนให้เหมาะสมกับคนดูด้วย ทั้ง Close-up, Parlor Magic และ Grand Illusion เขาก็ทำได้ทั้งนั้น แต่การแสดงที่น่าตื่นเต้นของเขาที่ผ่านมาคือสุดยอดของเขาแล้วหรือ? ไม่หรอก เขายังมีสิ่งยอดเยี่ยมที่จะแสดงให้ผู้ชมเห็นอีกมากมาย

เพนน์ และ เทลเลอร์ (Penn & Teller)


เพนน์ และ เทลเลอร์ (Penn & Teller) การแสดงของพวกเขาท้าทายแต่ก็มีรสนิยมที่ดี พวกเขาร่วมแสดงด้วยกันมากว่า 30 ปี สร้างสรรค์งานมายากลให้ผู้ชมมากมาย และตลอดการแสดงเหล่านั้น เพนน์ และ เทลเลอร์ ได้สร้างสรรค์ทริคที่ยากที่สุดของพวกเขา เพนน์ และ เทลเลอร์ เรียกตัวเองว่า "ชายผู้ไม่ปกติที่เรียนรู้ที่จะทำสิ่งที่ดีเลิศ"
พวกเขาก่อตั้งทีมขึ้นในปี 1975 โดยร่วมกันเล่นหนังเงียบของ เทลเลอร์ ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องที่น่าขนลุก พวกเขาทั้งสองต่างก็ร่วมกันสร้างสรรค์เรื่องราวที่สร้างความบันเทิง ตั้งแต่ระดับริมถนนไปสู่สโมสรเล็กๆ จนถึงการแสดงทัวร์ในโรงละครแห่งชาติ และหลายปีมานี้พวกเขาก็แสดงประจำอยู่กับ ริโอ อลล์ สูท โฮเทล แอนด์ คาซิโน ในลาสเวกัสในปี 1985 เพนน์ และ เทลเลอร์ ได้รับรางวัล Emmy award จากการแสดงโชว์ของพวกเขาในบรอดเวย์ชื่อ "Penn & Teller Go Public" ในปี 1987 พวกเขากลายเป็นคู่แรกๆ ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในบรอดเวย์ เพนน์ และ เทลเลอร์ ได้ออกทัวร์ทั่วประเทศตลอดช่วงปี 90 ได้รับการยกย่องจากเหล่านักวิจารณ์ตั้งแต่นิวยอร์ก ไปจนถึงซาน ฟรานซิสโก พวกเขาได้ร่วมปรากฏตัวในรายการทางทีวีมากมายนับตั้งแต่ชิ้นแรกคือ "Late Night with David Letterman" ตามด้วย "The Tonight Show with Jay Leno", "Miami Vice", "Late Night with Conan O’Brien", "Hollywood Squares", "The Today Show", "Saturday Night Live", "The Drew Carey Show", "Friends", "Dharma & Greg", "Home Improvement" และเรื่องหนึ่งที่โด่งดังมาก ก็คือ "The Simpsons"นอกจากนี้พวกเขายังสร้างโปรเจคทางทีวีเองด้วย ได้แก่ "Penn & Teller’s Sin City Spectacular", "Penn & Teller’s Home Invasion", the Showtime movie "Penn & Teller’s Invisible Thread" และรายการพิเศษทาง NBC คือ "Don’t Try This at Home" และ "Penn & Teller: Off The Deep End" พวกเขาสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Penn & Teller Get Killed โดยร่วมงานกับ Walt Disney’s Fantasia 2000เพนน์ และ เทลเลอร์ มีความสามารถด้านมายากล และความสามารถในการเข้าถึงคนดูของพวกเขา ก็สามารถเรียกร้องความสนใจได้มากมาย ไปจนถึงระดับสถาบันการศึกษา พวกเขาได้รับเชิญในฐานะผู้เชี่ยวชาญจาก MIT และได้รับเชิญไปสอนใน Oxford University และ the Smithsonian Institution ในปี 2001 พวกเขาได้รับรางวัล Hugh M. Hefner First Amendment Awardเพนน์ และ เทลเลอร์ เขียนหนังสือที่ขายดีที่สุด 3 เล่ม ได้แก่ Cruel Tricks for Dear Friends, How to Play with Your Food และ How to Play in Traffic และเรื่องราวบางส่วนของพวกเขา ก็ถูกตีพิมพ์ส่งในนิตยสารหลากหลายประเภทนับตั้งแต่ New York Times ไปจนถึง Playboy
ในปี 2001 พวกเขาก็กลับสู่บรอดเวย์ ในฐานะแขกบรรยายพิเศษ ใน Rocky Horror Picture Showหลังจากร่วมงานกันมากว่า 3 ทศวรรษ พวกเขาก็ยังไม่มีทีท่าที่จะหยุดยั้ง โปรเจคล่าสุดของพวกเขาคือ "Penn & Teller : Bullshit!" ซึ่งเป็นซีรี่ส์ ที่ฉายทางเคเบิลทีวีเป็นซีซั่นที่ 4 แล้ว โปรเจคนี้ได้รับเสนอชื่อในรางวัล Emmy ถึง 6 ครั้งและในปี 2004 ก็ได้รับรางวัล WGA award ในสาขาซีรี่ส์ ตลก/วาไรตี้ยอดเยี่ยม เพนน์ และ เทลเลอร์ ยังสร้างสรรค์มุขตลกร้ายในสารคดีอย่าง The Aristocrats โดยแผ่น DVD ของเรื่องนี้วางขายในวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา

ซีกฟรีด แอนด์ รอย (Siegfried & Roy)

ซีกฟรีด แอนด์ รอย (Siegfried & Roy) พวกเขาเป็นผู้ให้ความบันเทิงลูกครึ่งเยอรมัน - อเมริกัน ซึ่งทำงานที่โรงแรมในลาสเวกัส การแสดงมายากลของพวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นกับแมวตัวโตๆ อย่างเสือโคร่งขาว และสิงโตขาว
ซีกฟรีด - รอยซีกฟรีด ฟิสช์บาเชอร์ (Siegfried Fischbacher) เกิดวันที่ 13 มิถุนายน 1939 ที่ โรเซ็นเฮม และ รอย ฮอร์น (Roy Horn) เกิดวันที่ 3 ตุลาคม 1944 ที่ นอร์เดนแฮม ต่างก็เกิดที่ประเทศเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้อพยพมาอยู่สหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนนี้พวกเขาเป็นประชาชนอเมริกาอย่างเต็มตัวแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงความเป็นชาวเยอรมัน อยู่ ในปี 2002 พวกเขาได้รับเกียรติให้เดินนำขบวนพาเหรดของ German-American Steuben Parade ในฐานะจอมพลซีกฟรีด เป็นนักมายากลแบบดั้งเดิม ในขณะที่ รอย เติบโตมาท่ามกลางสัตว์หลากหลายชนิด และเขาก็มีความเป็นมิตรกับสัตว์เหล่านั้นด้วยพวกเขาพบกันในปี 1959 ในการทำงานร่วมกันบนเรือ Garman Ocean โดยซีกฟรีด เป็นสจ๊วต ในขณะที่รอย ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ ซีกฟรีด เริ่มการแสดงมายากลด้วยการแสดงต่อหน้าผู้โดยสาร โดยมี รอย เป็นผู้ช่วย ในขณะที่ไม่มีใครรู้เลยว่า รอย ได้ลักลอบนำเข้าเสือชีตาชื่อว่า ชิโก้ โดยซ่อนมันไว้ในเรือ เขารู้จัก ชิโก้ จากการที่เขาไปเที่ยวที่สวนสัตว์ในเบรเมนบ่อยๆ หลังจากร่วมกันพัฒนาการแสดงมาโดยตลอด พวกเขาก็ได้แสดงโชว์ที่ลาส เวกัส ในปี 1972 พวกเขาได้รับรางวัลโชว์ยอดเยี่ยมแห่งปี ในปี 1990 สตีฟ วินน์ (Steve Wynn) ผู้จัดการ โรงแรม เดอะ มิราจ ก็จ้างเขาทั้งสองคนให้แสดงโชว์ที่โรงแรมโดยการันตีค่าตัวอยู่ที่ 57.5 ล้านดอลลาร์ต่อปี

โชว์ที่ใช้สัตว์ร่วมแสดงในปี 1999 พวกเขารับ ดาร์เรน โรมีโอ (Darren Romeo) มาอุปถัมภ์ โดยดูแลเป็นสปอนเซอร์ และฝึกสอนเขาต้นปี 2000 พวกเขาเซ็นสัญญาตลอดชีพกับโรงแรม พวกเขาร่วมกันแสดงโชว์มาแล้วกว่า 5,750 โชว์ และส่วนใหญ่ก็เป็นการแสดงที่ เดอะ มิราจ การแสดงอันยาวนานของพวกเขาต้องปิดตัวลงในวันที่ 3 ตุลาคม 2003 หลังจาก รอย ถูกทำร้ายระหว่างการแสดงโดยเสือตัวหนึ่งของเขาในวันที่ 3 ตุลาคม 2003 ระหว่างการแสดงโชว์ที่ เดอะ มิราจ รอย ฮอร์น ถูกเสือวัย 7 ปีชื่อ มอนเตคอร์ กัดเข้าที่ไหล่ ทีมงานพยายามที่จะช่วยเขาออกมา และนำส่ง University Madecal Center ในขณะนั้น ฮอร์น ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และเสียเลือดมาก แต่ในขณะที่เขาถูกพาไปโรงพยาบาล เขาก็บอกว่า "อย่าทำร้ายเสือ"รอย ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานหลายสัปดาห์ เขามีอาการเป็นอัมพาตบางส่วน และเส้นเลือดมีการอุดตัน หมอจึงผ่าตัดเอากะโหลกออก 1 ใน 4 เพื่อระบาย และลดการบวมของสมอง จากนั้นเขาก็ถูกย้ายไปที่ UCLA Medical Center ใน ลอส แองเจเลส, แคลิฟอเนีย เพื่อฟื้นฟูร่างกาย มอนเตคอร์ เสือตัวที่กัด รอย นั้น เขานำมันมาฝึกสอนมาตั้งแต่มันยังเด็ก และมันก็แสดงในโชว์ดังกล่าวมาเป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว ซีกฟรีด ให้สัมภาษณ์ในรายการ แลร์ลี่ย์ คิง ว่าในขณะนั้น มอนเตคอร์ พยายามจะพา รอย ไปในที่ๆ ปลอดภัย ตามสัญชาติญาณของแม่เสือที่ต้องการคาบลูกเสือไปไว้ในที่ๆ ปลอดภัย แต่มันไม่รู้ว่าคนเราไม่เหมือนกับเสือ เราไม่มีหนังหนาและขนปกคลุมที่จะให้มันสามารถคาบเราไปไหนๆ ได้ นั่นส่งผลให้ รอย ได้รับบาดเจ็บ มอนเตคอร์ ไม่มีความตั้งใจที่จะทำร้าย รอย เลย ด้าน สตีฟ วินน์ อดีตเจ้าของ เดอะ มิราจ ก็ให้สัมภาษณ์กับ KLAS-TV ว่าเหตุการณ์เป็นไปอย่างที่ ซีกฟรีด เล่า นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่าตอนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าเวที ที่แสดงอาการว่าชื่นชอบ คลั่งไคล้ มอนเตคอร์ มากและอยากเล่นกับมัน แต่ รอย พยายามยืนขวางระหว่างเธอกับเสือ เพื่อป้องกันอันตราย มอนเตคอร์ ทำท่าคว้าแขน รอย เบาๆ และ รอย พยายามบอกมันให้ปล่อย แต่มันไม่ยอม จนกระทั่ง รอย ก็ตีมันด้วยไมโครโฟน และกระโดดขึ้นขี่หลังมัน จากนั้น เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเวทีซึ่งตกใจกับเหตุการณ์นั้นก็วิ่งออกมาหวังจะช่วย แต่จากการวิ่งเข้ามาช่วยนั่นเองทำให้เสือสับสน เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง และมันก็พยายามพา รอย ออกไปจากที่เกิดเหตุเพื่อความปลอดภัย ทำให้เกิดความชุลมุน และ รอย จึงได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ป้ายหน้า เดอะ มิราจ ที่ไม่มีให้เห็นอีกแล้วมอนเตคอร์ ถูกขังไว้เป็นเวลา 10 วันเพื่อให้มั่นใจว่ามันไม่ได้เป็นโรคกลัวน้ำ จากนั้นมันจึงได้กลับไปที่ เดอะ มิราจ อีกครั้ง แม้ รอย จะบอกว่า มอนเตคอร์ ไม่ทำร้ายใคร แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้ผู้คนต้องคำนึงถึงการแสดงโชว์โดยใช้สัตว์มากขึ้น แม้สัตว์พวกนี้จะสามารถนำมาฝึกได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเชื่องเสมอไป พวกมันยังคงเป็นสัตว์ป่าซึ่งไม่มีวันจะเป็นสัตว์เลี้ยงไปได้ การบาดเจ็บของ รอย ฮอร์น ทำให้ เดอะ มิราจ ต้องปิดโชว์นี้ และทำให้พนักงานต้องตกงานถึง 267 คน จากเหตุการณ์นี้ มีรายงานว่า เดอะ มิราจ ต้องสูญเสียรายได้มหาศาลไม่เพียงแต่ค่าเข้าชมที่ได้อย่างต่ำปีละ 45 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงรายได้จากการขายอาหาร ห้องพัก และจากคาสิโน ด้วย ประชาสัมพันธ์ของ เดอะ มิราจ กล่าวว่า การสูญเสีย ซีกฟรีด และรอย เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ต่อชื่อเสียงของ เดอะ มิราจ รวมไปถึงการเงินของโรงแรมด้วย จากการจัดอันดับผู้มีชื่อเสียง 100 อันดับในปี 2000 ซีกฟรีด และรอย เป็นบุคคลที่ทำเงินมากที่สุดเป็นอันดับที่ 9 ในอเมริกา ตามหลังคนดังหลายๆ คนเช่น สตีเว่น สปีลเบิร์ก
ปัจจุบัน : รอย - ซีกฟรีดซีกฟรีด และรอย ยังมีชื่อใน Hollywood Walk of Fame ด้วย โดยอยู่ที่ 7060 Hollywood Boulevardในปี 2007 พวกเขาประกาศว่ามีความตั้งใจที่จะเขียนหนังสือเพื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดของพวกเขา ซึ่งรวมถึงเรื่องที่พวกเขาเป็นเกย์ และครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่รักกัน แต่เมื่อความสัมพันธ์สิ้นสุดลงแล้วพวกเขาก็ยังคงเป็นคู่หู และเพื่อนที่ดีต่อกัน รวมไปถึงเรื่องที่พวกเขาติดยาด้วย*โรงภาพยนตร์ IMAX รัชโยธิน เคยนำเอาภาพยนตร์ 3 มิติของ ซีกฟรีด และรอย Siegfried & Roy the Magic Box มาฉายเมื่อปี 2000

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
www.siegfriedandroy.com

แลนซ์ เบอร์ตัน (Lance Burton)




แลนซ์ เบอร์ตัน (Lance Burton) ชื่อเต็ม William Lance Burton เกิดวันที่ 10 มีนาคม 1960 ที่ หลุยส์วิลล์, เคนตักกี้ เป็นนักมายากลเวทีชาวอเมริกัน ซึ่งเปิดการแสดงที่ มอนเตคาร์โล รีสอร์ท แอนด์คาสิโน ใน ลาสเวกัส เนวาด้า เขามีการแสดงในรายการทีวีหลายๆ รายการ ทั้งยังเคยแสดงให้กับพระราชินีอลิซาเบ็ธ และประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ด้วย แลนซ์ เบอร์ตัน เริ่มสนใจมายากลตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบ เมื่อเขาได้เป็นอาสาสมัครในการแสดงของ แฮร์รี่ คอลลินส์ (Harry Collins) ในช่วงคริสต์มาสซึ่งแสดงให้โรงงานที่แม่ของเขาทำงานอยู่ กลที่เขาร่วมแสดงในตอนนั้นคือ The Miser’s Dream ซึ่ง คอนลินส์ เสกเหรียญออกมาจากท้องฟ้า และออกมาจากหูของ เบอร์ตัน หลังจากการร่วมแสดงครั้งนั้นทำให้เขาชื่นชอบในมายากล และเมื่อเพื่อนบ้านคนหนึ่งรู้ เขาก็ได้มอบหนังสือให้ เบอร์ตัน เล่มหนึ่งชื่อว่า Magic Made Easy ในหนังสือเล่มนั้นประกอบด้วย 10 มายากล ซึ่งเขาก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว การแสดงครั้งแรกของเขา คือการแสดงให้เพื่อนบ้านดู ด้วยการเก็บค่าเข้าชมคนละ 1 นิกเกิล
เพนน์ - แลนซ์ เบอร์ตัน - เทลเลอร์คอลลินส์ ได้ทราบถึงความสนใจของ เบอร์ตัน และเขาก็รับเป็นปรึกษาให้ เบอร์ตัน พร้อมทั้งสอนมายากลเบื้องต้นต่างๆ ให้ด้วย ในปี 1977 เบอร์ตัน เข้าแข่งขันมายากลครั้งแรก และเขาก็ชนะเป็นอันดับ 1 ต่อมาในปี 1980 หลังจากวันเกิดครบรอบ 20 ปี ของเขาไม่นาน เขาก็ได้รับรางวัล "Gold Medal of Excellence" จาก the International of Magician หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปแคลิฟอร์เนียใต้ และภายในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์เขาก็แสดงใน The Tonight Show ซึ่งผู้จัดรายการตอนนั้นคือพิธีกรชื่อดัง จอห์นนี่ คาร์สัน (Johnny Carson) เขาได้ดูการฝึกซ้อมของ เบอร์ตัน ก่อนขึ้นแสดง และชอบใจ จึงขอให้ เบอร์ตัน แสดงในรายการของเขาตลอด โดยทำการแสดงครั้งละ 12 นาที โดยเขาได้ร่วมแสดงครั้งหมด 10 ครั้ง ภายใต้การดำเนินรายการของ จอห์นนี่ คาร์สัน และอีก 5 ครั้งภายใต้การดำเนินรายการของ เจย์ เลโน่ นอกจากนี้เขายังไม่แสดงโชว์ใน The Late Show with Craig Ferguson ด้วยแลนซ์ เบอร์ตัน ได้แสดงโชว์ใน Folies Bergere ในลาส เวกัส เป็นเวลา 8 สัปดาห์ หลังจากนั้นเขาก็ได้เซ็นสัญญากับที่นั่นเป็นเวลา 9 ปีในปี 1982 เขาร่วมแข่งขัน Federation International des Societes Magiques (FISM) ที่จัดขึ้นที่ โลซาน, สวิตเซอร์แลนด์ และได้รางวัล "Grande Prix" ซึ่งเขาเป็นนักมายาลอายุน้อยที่สุดที่ได้รางวัลนี้ และเป็นชาวอเมริกัน คนแรกด้วย
ภาพ แลนซ์ เบอร์ตัน หน้ามอนเต คาร์โลในปี 1986 เขาปรากฏตัวในรายการพิเศษวันฮาโลวีนชื่อ Mystery Magical Special ของช่อง Neckelodeonในปี 1991 เขาก็มีการแสดงโชว์ของตัวเองที่โรงแรม ฮาเซนด้า และทำการแสดงที่นั่นเป็นเวลา 5 ปีเขาแต่งงานครั้งหนึ่งกับ เมลินดา แซกซ์ (Melinda Saxe) นักมายากลสาวในเดือนสิงหาคม 1993 แต่ก็หย่าอีก 1 ปีหลังจากนั้น โดยเขากล่าวว่า เมลินดา เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะไม่มีรสนิยม ในเดือนสิงหาคม 1994 เบอร์ตัน เซ็นสัญญากับ Monte Carlo Resort ในลาส เวกัส เป็นเวลา 13 ปี ซึ่งเป็นสัญญาที่ยาวนานที่สุดในลาส เวกัส โรงละคร Lance Burton ที่มีความจุ 1,274 ที่นั่ง ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเขา มีมูลค่ากว่า 27 ล้านดอลล่าร์ เริ่มเปิดใช้วันที่ 21 มิถุนายน 1996 จากหนังสือ USA Weekend ได้คาดการณ์ว่าตลอด 13 ปีที่เขาแสดงที่นี่จะมีรายได้มากกว่า 110 ล้านดอลล่าร์แลนซ์ เบอร์ตัน ได้แสดงโชว์ที่ บัฟฟาโล่ บิลล์ส โฮเทล แอนด์ คาสิโน ใน พริมม์, เนวาด้า โดยเขาหลุดพ้นจากการถูกมัดไว้ด้วยโซ่ติดรางรถไฟเหาะตีลังกาชื่อว่า Desperado โดย Desperado เป็นรถไฟเหาะตีลังกาที่มียาว และเร็วที่สุดในอเมริกา ใช้เวลา 1 นาทีในการไต่ถึงจุดสูงสุด และใช้เวลา 3.5 วินาทีในการร่อนลงมา Burton ถูกมัดไว้ด้วยโซ่ทั้งมือ และเท้า ระหว่างการแสดงดูเหมือนว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้น แต่เขาก็สามารถหลุดออกมาได้ ก่อนที่รถไฟจะมาถึงตัวเขาเพียงเสี้ยววินาที หลังจากการแสดงที่หวาดเสียว เบอร์ตัน ก็หันมามองกล้อง และบอกว่า "มันโง่มาก มันโง่มากจริงๆ"
แลนซ์ เบอร์ตัน ฉลองปีที่ 25แลนซ์ เบอร์ตัน ฉลองครบรอบ 10 ปีที่ มอนเต คาร์โล โดยการแสดงโชว์ชุดใหม่ของเขาที่ชื่อว่า "Solid Gold Lady" ซึ่งเป็นการแสดงที่ใช้ทองมูลค่ากว่า 10 ล้านดอลล่าร์เขาเป็นเพื่อนซี้ของ คริส แองเจล และเคยเป็นแขกรับเชิญในรายการ "Criss Angel Mindfreak" ด้วย
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
http://www.lanceburton.com/

David Blaine

เดวิด เบลน ไวท์ (David Blaine White) เกิดวันที่ 4 เมษายน 1973 ที่บรู๊คลิน, นิวยอร์ค, สหรัฐอเมริกา เขาเป็นนักมายากลชาวอเมริกัน และยังเป็นนักแสดงโลดโผนด้วย

พ่อของเขามีเชื้อสายเปอร์โตริกัน ส่วนแม่ของเขา ปาทริซ เมารีน ไวท์ (Patrice Maureen White) เป็นชาวยิว เชื้อชาติรัสเซีย เบลน เติบโตใน พาร์ค สโลป, บรู๊คลิน จากนั้นเขาก็ย้ายที่นิวเจอร์ซี่ และเข้าเรียนที่ Passaic Valley Regional High Schoolเดวิด เบลน ถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อเลี้ยงของเขา จอห์น เอ บูคาโล่(John A. Bukalo) และจากนั้นชื่อเขาก็เปลี่ยนเป็น เดวิด เบลน บูคาโล่ (David Blaine Bukalo) เขามีน้องคนละพ่อหนึ่งคนชื่อ ไมเคิล เจมส์ บูคาโล่ (Michael James Bukalo)

เดวิด เบลน เริ่มอาชีพของเขาจากการเล่นมายากลอยู่ริมถนน เริ่มจากแสดงกลไพ่ การทำให้สิ่งของลอยได้ และการทำให้แมลงวันที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพ เขาได้แสดงทางโทรทัศน์ครั้งแรกในรายการ Conan O'Brien ซึ่งครั้งนั้นเขาได้ทำการแสดงกลไพ่ รายการทีวีรายการแรกของเขาชื่อว่า David Blaine : Street Magicในวันที่ 5 เมษายน 1999 เขาเริ่มการแสดงผาดโผน ที่เรียกว่า "ฝังทั้งเป็น (Buried Alive)" เขาถูกฝังไว้ใต้กล่องพลาสติกซึ่งอยู่ใต้แท้งค์น้ำหนัก 3 ตันเป็นเวลา 7 วัน มีผู้เข้าเยี่ยมชมเขาที่ Manhattan's Upper West Side ที่ซึ่งเขาถูกฝังไว้ราว 75,000 คน เขาไม่ได้กินอะไรเลย และได้ดื่มน้ำเพียงวันละ 2 - 3 ช้อนชาเท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อครบ 7 วันในวันที่ 13 เมษายน เขาก็ออกมาได้ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2001 เขาได้ทำการแสดงผาดโผนอีกครั้งที่มีชื่อว่า "Frozen in Time" ซึ่งถูกแพร่ภาพทางทีวีด้วย โดยเขายืนในตู้แช่แข็งที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งซึ่งตั้งตระง่านอยู่ที่ไทม์สแควร์ นิวยอร์ค เขาสวมเสื้อผ้าที่บางเบา และดูเหมือนเขาจะสั่นเล็กน้อยก่อนที่จะถูกน้ำแข็งห่อหุ้มไปทั้งตัว ในตู้นี้เขาได้รับทั้งอากาศ และน้ำ ส่วนปัสสาวะของเขาก็จะถูกถ่ายออกมาในอีกท่อที่ต่อไว้แล้วด้วย อยู่ใช้เวลาอยู่ในนั้นนาน 63 ชั่วโมง 42 นาที และ 15 วินาที ก่อนจะออกมาโดยการค่อยๆ เลื่อยน้ำแข็งออกทีละน้อย เพื่อยืนยันให้ผู้ชมได้เห็นชัดเจนว่าเขาอยู่ในนั้นตลอดเวลา เขาออกมาด้วยอาการงงงวยเล็กน้อย ก่อนจะถูกห่อด้วยผ้าห่ม และนำส่งโรงพยาบาลทันทีเพราะหมอเกรงว่าเขาอาจจะช็อคได้



เบลน ให้สัมภาษณ์ในรายการสารคดีว่ากว่าเขาจะเดินไปอีกครั้งก็ใช้เวลาเป็นเดือน และเขาก็ไม่คิดที่จะเล่นผาดโผนมากมายขนาดนี้อีกแล้วเพียงไม่ถึง 1 ปีถัดมาในวันที่ 22 พฤษภาคม 2002 เขาก็ทำการแสดงผาดโผนอีกครั้งชื่อว่า "Vertigo" โดยจัดแสดงที่ ไบรแอนท์ พาร์ค นิวยอร์ค ซิตี้ โดยเขาถูกเครนยกขึ้นวางไว้ที่เสาที่มีความสูง 25 เมตร และกว้าง 22 นิ้ว อยู่สามารถทรงตัวอยู่ได้นาน 35 ชั่วโมง จากนั้นวันที่ 5 กันยายน 2003 เขาเริ่มต้นช่วงเวลา 44 วันในการถูกขังไว้ในตู้กระจกใสที่ถูกแขวนไว้สูงเหนือพื้นดิน 9 เมตรใกล้กับ พอตเตอร์ส ฟิลด์ส พาร์ค ที่อยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน ตู้กระจกนี้มีขนาดประมาณกว้าง 3 ฟุต ลึก 3 ฟุต และสูง 7 ฟุต และมีเว็บแคมติดอยู่ในตู้ด้วย เพื่อให้ผู้ชมสามารถเห็นเขาได้ชัดเจนตลอดเวลา เบลน กล่าวว่าเขาใช้เวลาอยู่ในนั้นนาน 44 วันโดยไม่มีอาหารตกถึงท้อง และมีเพียงน้ำวันละ 4.5 ลิตรเท่านั้น สื่อในอังกฤษต่างวิพากษ์วิจารณ์การแสดงครั้งนี้ของเขา และกล่าวว่าการที่เขากลับมากินอาหารอีกครั้งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายของเขาก็ได้



การแสดงผาดโผนกลายเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่สื่อพูดถึง และให้ความสนใจกันมากโดยเฉพาะในแง่ของการดูถูก และเห็นว่าการแสดงนี้ไร้สาระ เบลน ออกมาจากตู้ในวันที่ 19 ตุลาคม ตามกำหนด และออกมาพร้อมกับพึมพำว่า "ผมรักพวกคุณทุกคน" ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยเขากล่าวหลังจากนั้นว่าเขาลดน้ำหนักได้ถึง 54 ปอนด์ (24.5 กก.) จากการแสดงครั้งนี้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2006 เขาขังตัวเองในวัตถุทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.4 เมตร ซึ่งเติมเต็มไปด้วยน้ำ ซึ่งห้อยไว้หน้า ลิน คอล์น เซ็นเตอร์ โดยเขาวางแผนว่าจะอยู่ในนั้นนาน 7 วัน 7 คืน โดยใช้ท่อเพื่อหายใจ และกินอาหาร นอกจากนี้เขายังต้องการสร้างสถิติโลกด้วยการกลั้นหายใจให้ได้นาน 8 นาที 58 วินาที แต่แล้วเขากลับทำได้จริงๆ เพียง 7 นาที 33 วินาที ก่อนที่จะส่งสัญญาณเพื่อขอท่อสำหรับช่วยหายใจ แต่อย่างไรก็ดี เขาก็อยู่ในนั้นได้นานกว่า 7 วันอย่างที่ตั้งใจไว้ โดยเขาอยู่ได้ทั้งหมด 177 ชั่วโมง สำหรับการแสดงโชว์ชิ้นต่อไป เขาได้ออกมาประกาศในวันที่ 20 สิงหาคม 2007 ว่าจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2008 และยังกล่าวอีกว่า "หากคุณคิดว่าโชว์ที่ผ่านมาของผมตื่นเต้นแล้วล่ะก็ โชว์ใหม่นี้จะทำให้คุณพูดไม่ออกไปเลย ผมไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ในตอนนี้ แต่ผมได้เริ่มเตรียมการบางอย่างแล้ว และฝึกซ้อมสำหรับมันโชว์ที่อันตรายที่สุด และท้าความตายที่สุดนี้ไว้แล้ว" โดยสื่อหลายแขนงออกมาคาดเดากันว่าเขาอาจทำการอดนอนเพื่อทำลายสถิติโลกที่โทนี่ ไรท์ ทำไว้ด้วยการอดนอนนานถึง 12.5 วัน

นอกเหนือจากการแสดงแล้ว เดวิด เบลน ยังได้ออกหนังสือ Mysterious Stranger : A Book of Magic ซึ่งส่วนหนึ่งประกอบด้วยประวัติของเขา และประวัติของมายากลสำหรับชีวิตส่วนตัว เขาเคยออกเดทกับ ฟิโอน่า แอปเปิ้ล, มาดอนน่า, โจซี่ มาราน, ลอนเน่เก้ เอนเกล และ แดริล ฮันน่าห์

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
www.davidblaine.com























คริส แองเจล (Criss Angel)



คริส แองเจล (Criss Angel) หรือชื่อเต็ม Christopher Nicholas Sarantakos เกิดวันที่ 19 ธันวาคม 1967 ที่อีสต์ มีดาว, นิวยอร์ค เขาเป็นทั้งนักดนตรีชาวอเมริกัน นักมายากล นักสะกดจิต สตั้นท์แมน และที่สำคัญเขาเป็นผู้สร้างซีรี่ส์ที่ฉายทาง A&E Network และช่อง Discovery ในชื่อรายการ Criss Angel Mindfreak
การเป็น Illusionist แองเจิล ปรากฏตัวทางโทรทัศน์ในฐานะนักมายากลครั้งแรกในรายการพิเศษทางช่อง ABC ชื่อรายการว่า "Talents" ในปี 1995 จากนั้นในปี 1998 เขาก็ได้ตั้ง "Criss Angel : World of Illusion" และนั่นก็ทำให้เรื่องของเขาได้ขึ้นพาดหัวในนิตยสารรายปีของ เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น ต่อมาในเดือนตุลาคม 2002 เขาเริ่มทำรายการโทรทัศน์ความยาว 1 ชั่วโมงชื่อรายการ "Criss Angel Mindfreak" ทางช่อง ABC family รายการของเขามีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ทำให้เขาจัดรายการนี้อยู่นานถึง 600 เทปไปจนถึงเดือนมกราคม ปี 2003 จากนั้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 "Criss Angel Mindfreak" ก็กลับมาอีกครั้งทางช่อง A&E Network ด้วยระยะเวลาเทปละครึ่งชั่วโมง และในตอนนี้เขาก็กำลังสร้าง "Criss Angel Mindfreak" ซีซั่นที่ 3 อยู่ด้วย การแสดงของเขามีทั้งการเดินบนน้ำ การลอยตัวอยู่ระหว่างตึก 2 ตึก และการแบ่งตัวเขาออกเป็น 2 ท่อนต่อหน้าผู้ชม แขกรับเชิญในโชว์ของเขามีทั้ง โจนาธาน เดวิส (Jonathan Davis), กอร์น (Korn), ร็อบ ซอมบี้ (Rob Zombie), แมนดี้ มัวร์ (Mandy Moore), เพนน์ แอนด์ เทลเลอร์ (Penn & Teller) และ แลนซ์ เบอร์ตัน (Lance Burton)นอกจากนี้ คริส แองเจล ยังได้เป็นดารารับเชิญในซีรี่ส์ชื่อดัง CSI : NY ในตอนที่ชื่อว่า "Sleight Out of Hand" ซึ่งออกฉายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2007 อีกด้วย โดยเขาเล่นเป็นตัวละครชื่อ Luke Blade นักมายากลชื่อดังซึ่งเข้ามาช่วยในการสืบสวนคดี คริส แองเจล คว้ารางวัล Academy of Magical Arts’ Magician ถึง 3 ปี คือปี 2001, 2004 และ 2005 และได้รางวัล IMS Magician of the year ประจำปี 2007 - 2008 การแสดงทริกบางอย่างของเขา ก็ให้คำอธิบายได้โดยตัวเขาเอง โดยเฉพาะการแสดงที่มีขายใน DVD ที่วางขายทางเว็บไซต์ เช่นการแสดง teleports และ telekinesis บางการแสดงของเขาก็มีการใช้มายากลในการรักษาอาการป่วยต่างๆ เช่นเดียวกับที่มีนักมายากลคนอื่นๆ ทำกันมาแล้วเช่น เดวิด ค็อปเปอร์ฟิลด์ (David Copperfield), เดวิด เบลน (David Blaine) และ เดอะ เพนดราก้อนส์ (The Pendragons) อีกทั้งเขียนหนังสือชื่อ Mindfreak : Secret Revelations from the Master of Surreality ออกวางจำหน่ายด้วยผู้ที่ได้ชมการแสดงของเขาและนักวิจารณ์หลายคนกล่าวว่า แองเจล เป็นเพียง "Video Illusionist" คือใช้ Special Effects ต่างๆ เข้ามาช่วยในการถ่ายทำ รวมทั้งการมีผู้ช่วยแสดงด้วย (หน้าม้า) แสดงจริงต่อหน้าผู้ชมไม่ได้ แต่การแสดงของแองเจล ก็เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในช่วงซีซั่นที่ 2 ของเขา คริส แองเจล ได้นำเสนอ "Spectator's Point of View camera" โดยเอาได้สุ่มผู้ชมในห้องส่งมาเพื่อเป็นผู้ถือกล้องสำหรับถ่ายทำ โดยเขาผู้นั้นสามารถถ่ายทำได้ตามความพอใจ อย่างไรก็ดี รายการนี้ก็ดูเหมือนไม่เป็นที่ชื่นชอบเท่าไรเขายังเปิดเผยถึงกลบางอย่างของเขาให้กับแฟนๆ ทาง TV และทาง Stuff Magazine (แต่มันก็เป็นเพียงการแสดงธรรมดาเช่น การทำให้ไม้จิ้มฟันหายไป หรือการทำให้ถ้วยโฟมลอยได้)
ในฐานะนักดนตรีแองเจล เคยอยู่ในวงร็อคชื่อว่า "Angeldust" ซึ่งเขาได้เริ่มก่อตั้งวงกับ เคล์ สกอตต์ (Klay Scott) หรือที่รู้จักกันในปัจจุบันว่า Klayton จากวง Celdweller วง Angeldust ได้ออกอัลบั้ม Musical Conjurings from the World of Illusion ในปี 1998 และได้แสดงในเมดิสัน สแควร์ การ์เด้น หลังจากนั้นก็ได้ออก CD อีกหลายแผ่นในชื่อ Criss Angelล่าสุดเขา ได้สร้างวิดีโอ MF2 ร่วมกับ Sully Erna นักร้องนำของ Godsmack โดยมีให้ชมแล้วทาง Yahoo Videos
กลตัดตัว